
เมื่อ บี .พี. ลาออกจากราชการทหารครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2453 ( ค.ศ. 1910 ) แล้ว บี.พี. ได้เอาประสบการณ์จากเมืองมาฟอีคิง ที่ได้จัดให้เด็กมาช่วยเหลือในการรักษาเมือง เช่น ทำหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าวสอดแนมของกองทัพ รักษาสงบภายใน อยู่ยามบนหอคอย คอยให้สัญญาณแก่ประชาชน เด็ก ๆ สามารถทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้อย่างเข้มแข็ง ว่องไว ได้ผลดีไม่แพ้ผู้ใหญ่ และบางอย่างทำได้ดีกว่าผู้ใหญ่ บี.พี. จึงคิดตั้งกระบวนการลูกเสือขึ้น
ท่านจึงเอาประสบการณ์ในอินเดีย แอฟริกาสมัยเมื่อท่านยังอยู่กับพวกซูลู และชาวพื้นเมืองเผ่าอื่นๆ นำมาคิดแปลงพัฒนาให้เหมาะสมกับการลูกเสือเด็กอย่างรอบคอบ ในวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2450 ( ค.ศ. 1970 ) ท่านลอร์ด เบเดน เพาเวลล์ได้รวมเด็ก 20 คน กับหลายของท่าน 1 คน รวมเป็น 21 คน โดยมีเพื่อนพันตรีแมคคาเรน เป็นผู้ช่วยในการอบรม ได้ทำการเปิดค่ายทดลองขึ้นเป็นครั้งแรกที่เกาะ บราวน์ซี ( Brownsea Island ) ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ทางตอนใต้ของเกาะอังกฤษ เป็นเวลา 9 คืน ได้ทำการฝึกสอนอบรมวิชาการต่างๆ ด้วยตนเอง มีการเล่นเกมต่างๆ ร้องเพลงร่วมกัน รอบ ๆ กองไฟ เด็กได้รับความรู้ความสนุกสนานเป็นอย่างมาก ในเวลากลางคืนทุกคืนได้จัดลูกเสือหมู่หนึ่งผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่เป็น “ หน่วยรักษาการณ์ตลอดคืน ” ปรากฏว่าเป็นผลดีน่าพึงพอใจ นับเป็นการอยู่ค่ายพักแรมของลูกเสือเป็นครั้งแรกของโลก การอยู่ค่ายพักแรมที่เกาะบราวน์ซี ครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ถึงวันที่ 9 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907 ) ( มีหลักฐานซึ่งสลักไว้บนก้อนศิลา ณ เกาะบราวน์ซี ดังนี้
This Stone Commemorate the experimental Camp of 20 boys held on this site from
l st - 9 th Augrst 1970 by Robert Baden – Powell of Gilwell Founder of the Scout and Guide Movements )
เด็กที่ท่านบี . พี. ครั้งนี้เป็นเด็กเร่ร่อนตามถนนตามท้องถิ่นต่างๆ ท่านได้พาเด็กไปฝึกอบรมตามโครงการลูกเสือที่ท่านร่างขึ้นไว้ โดยแบ่งลูกเสือออกเป็นหมู่ ๆ ละ 5 คน รวม 4 หมู่ แต่ละหมู่มีหัวหน้าปกครองรับผิดชอบบังคับบัญชาลูกหมู่โดยเด็ดขาด ในการทดลองครั้งนี้เป็นเด็กเร่ร่อนตามถนนตามท้องถิ่นต่างๆ ท่านได้พาเด็กไปฝึกอบรมตามโครงการลูกเสือที่ท่านร่างขึ้นไว้ โดยแบ่งลูกเสือออกเป็นหมู่ๆ ละ4 คน แต่ละหมู่มีหัวหน้าปกครองรับผิดชอบบังคับบัญชาลูกหมู่โดยเด็ดขาด ในการทดลองครั้งนี้ท่านได้รับความสำเร็จตามความมุ่งหมายทุกประการ ทำให้ท่านเกิดกำลังใจ และพยายามแก้ไขอุปสรรคต่างๆ ให้เกิดผลดียิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป
เมื่อท่านกลับจากการอยู่ค่ายพักแรมที่เกาะ (Brownsea Island) แล้วท่านจึงลงมือเขียนหนังสือ เรื่อง Scouting for boys (การลูกเสือสำหรับเด็กชาย) ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2541 (ค.ศ.1908) และในปีนี้เองที่ท่าน บี.พี จึงได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศอังกฤษ กิจการลูกเสือได้แพร่หลายไปทั่วประเทศอังกฤษอย่างรวดเร็ว และต่อมาในพ.ศ. 2452 ( ค.ศ. 1909 ) พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ King Edward ที่ได้ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภก และตัวท่าน บี. พี. ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น Sir ท่านได้ลาออกจากราชการทหารอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ พ.ศ. 2453 เพื่อมาจัดด้านกิจการลูกเสือแต่อย่างเดียวตามพระราชปรารภของ King Edward ที่ 7 และตามคำของร้องของ Lord Kicgener
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2457 ท่านได้โทรศัพท์ติดต่อกองลูกเสือทุกกองในอังกฤษ เรียกประชุมด่วน เพื่อรับใช้ประเทศ (Nation service) ในระยะเวลาเพียงชั่วโมงแรกที่ประกาศสงครามเท่านั้น มีลูกเสือมาประชุมประมาณ 32,000 คน ได้เข้าทำการรักษาการณ์ตามสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ทางรถไฟ สะพาน และโทรเลข ทั่วเกาะอังกฤษ และยังช่วยทำหน้าที่เป็นสื่อข่าว ช่วยเหลือในโรงพยาบาล ลูกเสือสมุทรผลัดเปลี่ยนกันอยู่เวรยามตามเวรยามตามชายฝั่งทะเลตอนใต้ของอังกฤษ และได้ปฏิบัติงานช่วยชาติอยู่จนถึงวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920)
ในปี พ.ศ. 2463 มีลูกเสือทุกประเทศทั่วโลก ได้มาร่วมการชุมนุมกันที่กรุงลอนดอน เป็นการชุมนุมลูกเสือโลกครั้งแรก ในการประชุมครั้งนี้ ลูกเสือทั้งหลายพร้อมใจกันประกาศยกย่องให้ บี.พี. ดำรงตำแหน่งประมุขคณะลูกเสือโลก (Chief Scout of The World)
เมื่อกิจการลูกเสือมีอายุครบรอบ 21 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2417 (ค.ศ. 1928) ซึ่งเป็นการบรรลุ “ นิติภาวะ “ ตามกฏหมายอังกฤษและมีลูกเสือทั่วโลกถึง 2 ล้านคนเศษ พระเจ้ายอร์ช ที่ 5 ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ บี.พี. เป็นบารอน เรียกว่า Lord Baden – Powell of The World of Gilwell ต่อจากนั้นกิจการลูกเสือก็เจริญก้าวหน้าออกไปโดยไม่หยุดยั้ง
ต่อมาประเทศสหรัฐอเมริกาเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการลูกเสือมาก จึงได้นำไปตั้งกองลูกเสือขึ้นในสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ 2 (พ.ศ. 2543) รองจากชิลี (พ.ศ. 2545)
ส่วนประเทศไทยเราตั้งกองลูกเสือเป็นอันดับที่ 3 ของโลก โดยก่อตั้งขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงขนานนามว่า “ กองลูกเสือกรุงเทพ ฯ ที่ 1 ” (ลูกเสือหลวง) ต่อมาจึงจัดขึ้นตามโรงเรียนต่างๆ และได้ตราข้อบังคับลักษณะการปกครองลูกเสือขึ้นไว้ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 (จึงถือว่าวันที่ 1 กรกฎาคม เป็นวันกำเนิดลูกเสือไทย)
ในสมัยท่านลอร์ด เบเดน เพาเวลล์ กิจการลูกเสือได้เจริญมากแม้พระมหากษัตริย์เองก็ทรงพอพระทัย ท่านลอร์ดได้เที่ยวไปทั่วโลก เพื่อพบปะกับพวกเด็ก ๆ เพื่อส่งเสริมกิจการลูกเสือให้ก้าวหน้ากว้างขวางยิ่งขึ้น
หมายเหตุ ในการอยู่ค่ายพักแรมที่เกาะบราวน์ซีครั้งนั้น บางตำราก็ว่าท่าน บี-พี ได้ขอให้เพื่อนนายทหารส่งบุตรหลานที่เป็นนักเรียนโรงเรียนรัฐบาลใหม่ ๆ ของอีดันแฮร์โรว์เข้าค่ายร่วมกับเด็กมัธยม ลูกกรรมกร จากเมืองบอร์นมัธ และพูด โดยคิดค่าเข้าค่ายและอาหารคนละ 1 ปอนด์ ส่วนลูกกรรมกรคนละ 3 ชิลลิง 6 เพนนี
เกาะบราวน์ซีเป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ทางตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ตรงหน้าอ่าวเมืองพลูมีความยาวประมาณ 1 ? ไมล์ กว้างสุดประมาณ ? ไมล์ มีพื้นที่ประมาณ 560 เอเคอร์ (ประมาณ 1,440 ไร่) บนเกาะมีตึกใหญ่เดิมเป็นของมิสเตอร์ชารลส์ แวน ราอาลต์ รอบตึกมีที่ดินเหมาะสำหรับการพักแรม บี.พี. ทำหนังสือขออนุญาติเจ้าของเกาะตั้งค่ายพักแรม ปัจจุบันเกาะนี้เป็นสมบัติของชาติอังกฤษ
การอยู่ค่ายพักแรมครั้งนี้ บี.พี. ใช้กางเต็นท์โดยเช่าจากเมืองบอร์นมัธ ทำเป็นที่พักนอนโรงครัว และที่รับประทานอาหาร ใช้เสื่อทำด้วยฟางปูนอน
เด็กอยู่ค่ายสวมเสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้น สวมหมวกปีกพับข้าง ทุกคืนก่อนจบการประชุมรอบกองไฟมีการสวดมนต์เคารพพระเจ้า แล้วจึงแยกเข้าที่นอน ส่วน บี.พี. กับพันตรีแมคคาเรนจะมีการปรึกษาหารือถึงกิจการงานก่อนแล้วจึงนอน
ตารางการฝึกอบรมแต่ละวันมีดังนี้
ตื่นนอนเวลา 06.00 นาฬิกา แล้วปฏิบัติ
- ล้างหน้า แต่งตัว ทำความสะอาดที่พัก
- ดื่มโกโก้ร้อน 1 ถ้วย
- ชี้แจงกิจกรรมประจำวัน
- กายบริหารร่างกายท่ามือเปล่า
- พิธีเชิญธงขึ้นสู่ยอดเขา
- สวดมนต์
- อาหารเช้า
- กิจกรรม
- รับประทานอาหารกลางวัน
- กิจกรรม
- ฯลฯ
ในคืนวันที่ 31 กรกฎาคม บี.พี. จัดให้มีการนั่งรอบกองไฟเป็นครั้งแรก โดยท่านเป็นผู้นำในการประชุมรอบกองไฟ มีการร้องเพลงร่วมกัน และเล่าประสบการณ์ของท่านในอินเดีย และแอฟริกาให้เด็ก ๆ ฟัง เสร็จแล้วทำการปฐมนิเทศชี้แจงผลรายละเอียดต่าง ๆ กำหนดกิจกรรมที่ทำในวันต่อ ๆ ไป ก่อนปิดการประชุมรอบกองไฟ มีการสวดมนต์ แล้วปิดประชุมรอบกองไฟ ให้เด็กกลับไปนอนในเต็นท์ส่วน บี.พี กับ พันตรีแมคคาเรน ยังคงการปรึกษา หารือถึงงานที่จะทำต่อไปเสร็จแล้ว จึงเข้านอน ( ซึ่งเป็นแบบอย่างกิจกรรมลูกเสือในทุกวันนี้ )วิชาที่ทำการฝึกอบรม ได้แก่ สัญญาณต่าง ๆ การบุกเบิก การผูกเงื่อน การทำสะพาน การคาดคะเนระยะทาง การอยู่ค่ายพักแรม การสังเกตและจำ และการปฐมพยาบาล เป็นต้น
ขณะที่มีการเข้าค่ายห้ามมิให้ผู้อื่นเข้าไปในบริเวณการอยู่ค่ายโดยเด็ดขาด ยามรักษาการณ์จะปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง แม้แต่เจ้าของเกาะ พร้อมบุตรชาย หญิงก็เข้าไม่ได้ ยามซึ่งเป็นเด็กจะคอยส่งตัวกลับบ้านแต่ในวันสุดท้ายของการอยู่ค่ายพักแรม บี.พี. จะให้เด็กๆจัดงานการแสดง โดยให้เชิญแขกคือ บิดา มารดา เจ้าของเกาะ พร้อมบุตรชาย หญิง และให้เด็กๆเป็นผู้วางแผนการรับรองเองเมื่อเสร็จจากการอยู่ค่ายพักแรมในครั้งนั้น บี. พี. ได้รับจดหมายแสดงความยินดี ชื่นชมมากเพราะเด็กๆ ได้รับความรู้ ความสนุกสนาน ช่วยตัวเองได้ รู้จักคิด ช่วยเหลือผู้อื่นกรแสดงที่จัดในวันสุดท้ายนี้เด็กจะฝึกหัดกันเอง มีการเล่นเกม แข่งขัน สาธิตวิชา ปัจจุบันพยาบาล ดับเพลิง ทอเสื่อ ยูโด และชักเย่อเวรยามเด็กๆจัดกันเอง ตั้งแต่เช้าถึง 23.00 น. แบ่งหน้าที่กัน ทำครัวจัดอาหารผลัดเปลี่ยนกันอยู่เวร ทุกคนทำหน้าที่ได้ดีเป็นที่น่าพอใจ ปัจจุบันวงการลูกเสือทั่วโลกจึงถือว่า การทดลองอยู่เกาะบราวน์ซี เป็นการเริ่มต้นของลูกเสือโลก และถือว่า บี.พี. คือบิดาแห่งลูกเสือโลก
วาระสุดท้าย
เมื่อท่าน บี.พี มีอายุครบ 80 ปี พระเจ้ายอร์ชที่ 6 ได้พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ “ออร์เดอร์ ออฟ เมริท ” ( O.M. ) อันมีเกียรติ ขณะนั้นสุขภาพของท่านลอร์ดเสื่อมลงเรื่อย ๆ ท่านจึงออกจากประเทศอังกฤษ กลับสู่แอฟริกาอีกครึ่งหนึ่งได้พักอยู่ที่บ้านในเมืองไนเยอรรี ประเทศเคนยา (Kenya) เมื่อพ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) และท่านถึงแก่กรรมที่นั่นเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2484 ด้วยอาการสงบได้รับยศทางทหารเป็นพลโท มีอายุได้ 83 ปี 10 เดือน 16 วัน ( อีกประมาณเดือนเศษก็จะครบ 84 บริบูรณ์ ) จากชีวประวัติของท่าน บี.พี. ตลอดเวลาที่ท่านมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นผู้มีความเสียสละอย่างสูงทั้งทางด้านทหารและพลเรือน ทำทุกสิ่งทุกอย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก เพื่อประโยชน์ส่วนรวมมีความกล้าหาญทั้งการปฏิบัติในหน้าที่ราชการ และการผจญภัยส่วนตัว ทำให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่าแก่ชีวิตมากมาย ท่านยังได้มอบ ประสบการณ์อันล้ำค่าแก่เด็ก ๆ ในการก่อตั้งให้กำเนิดลูกเสือโลก แก่เยาวชนชายหญิงทั่วโลก อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่มนุษยชาติ มาจนตราบเท่าทุกวันนี้ ภายหลังจากท่านถึงแก่อนิจกรรมแล้ว ได้มีการเปิดอนุสาวรีย์ของท่าน ร่างของท่านได้ถูกฝัง ณ สุสาน Mount Kenya นอนสงบนิ่งอยู่ภายใต้บรรยากาศอันสงบที่ท่านรักและปรารถนา ในปี พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1947) นักบุญเซนต์ยอร์จ ได้ทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์ของท่านลอร์ด เบเดน เพาเวลล์ ขึ้นที่ วัดเวสต์มินสเตอร์ ( Westminster Abbey ) ในกรุงลอนดอน ใครจะไปเที่ยวที่วัดนี้จะพบอนุสาวรีย์ของท่านทางมุมตะวันตกเฉียงใต้ของโบสถ์ คำ Scout มาจากคำอะไร
S ย่อมาจาก Sincerity แปลว่า ความจริงใจ
C ย่อมาจาก Courtesy ” ความสุภาพอ่อนโยน
O ย่อมาจาก Obedience ” การเชื่อฟัง
U ย่อมาจาก Unit ” ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
T ย่อมาจาก Thrifty ” ความมัธยัสถ์
ประวัติของ BP ประวัติของ B.P. ผู้ก่อกำเนิดลูกเสือโลก
B.P. คือ โรเบิร์ต สติเฟนสัน สไมธ์ เบเดน เพาเวลล์ ( Robert Stephenson Smyth Baden Powell หรือ ลอร์ด เบเดน เพาเวลล์ แห่งกิลเวลล์ ผู้ก่อกำเนิดลูกเสือโลก เป็นชาวอังกฤษเกิดที่ กรุงลอนดอน เกิด เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2400 (ค.ศ. 1857) บ้านเลขที่ 6 ถนนสเตนโฮฟ และคาส เตอร์เกต ลอนดอนตะวันตก บิดาชื่อ H.G.Baden Powell เป็นศาสตราจารย์อยู่ในมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด เป็นพระนักบวช ในคริสต์ศาสนา สอนวิชาคณิตศาสตร์ และธรรมชาติศึกษาถึงแก่กรรมเมื่ออายุ 64 ปี ขณะที่ B.P. อายุได้ 3 ปีเท่านั้น มารดาชื่อ เบนรี แอตต้า เกรซ สไมธ์ของพลเรือเอกวิลเลียม เฮนรี วิลเลียม เฮนรี สไมธ์ มารดาของ B.P.
ภรรยาคนที่ 3 มีบุตรกับบิดา B.P. รวม 10 คน B.P. เป็นบุตรคนที่ 8 (เป็นบุตรชายคนที่ 6) ต่อมาตายเสีย 3คน คงเหลือ 7 คน (ชาย 6 คน หญิง 1 คน) เมื่อบิดา B.P. ถึงแก่กรรม มารดา B.P. จึงคงเลี้ยงบุตรทั้ง 7 คน มาด้วยความเหนื่อยยากมารดา B.P. บี.พี. ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ 90 ปีเศษ (พ.ศ. 2457)
วัยเด็ก พ.ศ. 2400 – 2419 ( ค.ศ. 1857 – 1876 ) เมื่อเล็กก่อนเข้าโรงเรียน มารดาเป็นผู้สอน อ่าน เขียน ทำเลข และวาดเขียน ขณะเมื่อมาพักผ่อนอยู่กับคุณตา คุณตาฝึกว่ายน้ำ เล่นสเกต ขี่ม้า หัดวัดปริมาณแสงแดดในเวลากลางวัน สังเกตดวงดาวเวลากลางคืน B.P. ชอบร้องเรียนเสียงสัตว์และเสียงนกต่างๆ ชอบแสดงท่าขบขันต่าง ๆ
เมื่ออายุ 11 -12 ปี เข้าเรียนในโรงเรียนประจำ “ โรส ฮิลล์ ” ( Rose Hill ) ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมศึกษา เป็นโรงเรียนใกล้บ้าน ชอบหนีไปเที่ยวในป่าหลังโรงเรียนสังเกตรอยเท้าสัตว์ ฟังเสียงสัตว์ 4 เท้า และนก ชอบเล่นกีฬา ชอบเป็นผู้นำ
เมื่ออายุ 13 – 19 ปี ต่อมาย้ายไปอยู่โรงเรียน Tunbridge well เมื่อเรียนจบ เข้าเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาที่ชาเตอร์เฮาส์ อยู่เป็นนักเรียนประจำ เป็นโรงเรียนปับลิคสกูลของอังกฤษ เรียนอยู่ 2 ปี ก็ย้ายออกไปอยู่ชนบทนอกกรุงลอนดอน ณ เมืองโกคาลมิง แคว้นเซอร์เรย์ รอบ ๆ บริเวณโรงเรียนเป็นป่า มีลำธาร B.P. ฝึกกีฬาฟุตบอล ฟันดาบ ยิงปืน ขี่ม้าโต้วาที วาดภาพ แสดงละคร ฯลฯ เมื่อจบการศึกษา จึงสอบเข้าที่โรงเรียนนายทหาร ณ แซนเฮอร์สต์ ( Sandhurst )
ชีวิตทหาร พ.ศ. 2419 – 2453 (ค.ศ. 1876 – 1910)
B.P. ศึกษาอยู่ในโรงเรียนนายร้อยได้ 2 ปี สอบได้อันดับ 5 จากนักเรียนทั้งหมด 718 คน ได้ยศร้อยตรีแห่งกองทัพอังกฤษ เมื่ออายุ 19 ปี ออกประจำการที่กรมทหารม้าฮุสซาร์ที่ 13 ในอินเดีย อยู่นานถึง 8 ปี (ค.ศ.1876 – 1884 ) ครั้งสุดท้าย ได้ยศร้อยเอก ระหว่างรับราชการใหม่ ๆ ได้เงินเดือนปีละ 120 ปอนด์ B.P. ใช้จ่ายอย่างอดออม
งดการสูบบุหรี่ หาเงินจุนเจือโดยการเขียนเรื่องลงหนังสือพิมพ์ และเลี้ยงม้าขาย จึงพอใช้จ่ายระหว่างเป็นทหารมีการย้ายไปอยู่อินเดีย และแอฟริกา
ปี พ. ศ. 2413 (ค.ศ. 1888) ปราบกบฎ ซูลู
B.P. อายุได้ 31 ปี ได้ยศร้อยเอกได้รับคำสั่งให้ไปปราบกบฎพวกซูลู ในแอฟริกาซึ่งมี
“ ดินิซูลู ” เป็นหัวหน้า แต่จับไม่ได้ เพราะ “ ดินิซูลู” หนีไปเสียก่อน
ในการปราบกบฎครั้งนี้ B.P. ได้รับความรู้นำมาใช้ในกิจการลูกเสือ 2 อย่างคือ
1. บทเพลง “ อินกอนยามา” มาสอนเด็กๆ
หัวหน้านำ Eengonyaa Gonyama
( อินกอน – ยา – มา ) กอน – ยา – มา )
ลูกคู่ Invooboo yaboh yaboh Invooboo
( อิน – วู – บู ยา – โบห์ ยา – โบห์ อิน – วู – บู )
2. สร้อยคอของ ดินิสซูลู แกะด้วยท่อนไม้เล็กๆ ประมาณ 1,000 กว่าท่อน
(บางตำราว่าทำมาจากกระดูกสัตว์ 100 กว่าชิ้น) เป็นเครื่องรางคล้องคอ B.P. นำมาเป็นบีดส์ (Beads ) ใช้เป็นเครื่องหมาย วูดแบดจ์ มอบให้แก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือที่ผ่านหลักสูตรลูกเสือของกิลเวลล์ปาร์ค
พ.ศ. 2433 – 2436 ( ค.ศ. 1890 – 1993 )
B.P. ได้เลื่อนยศเป็นนายพันตรี ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยทูตทหาร เป็นนายทหารคนสนิทของผู้ว่าราชการ เกาะมอลต้า ทำหน้าที่สืบราชการลับ
พ.ศ. 2438 ( ค.ศ 1895 ) เมื่อ B.P. ย้ายไปรับราชการที่ไอร์แลนด์ 2 ปี (ค.ศ.1895) ได้รับคำสั่งให้ไปปราบพวก อซันติ ทางฝั่งทะเลแอฟริกาตะวันตก (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศฆามา) ซึ่ง เป็นเผ่าซูลูที่ดุร้าย มีกษัตริย์ชื่อ เปรมเปห์ อังกฤษให้ควบคุมคนพื้นเมืองสร้างถนนยาว 74 ไมล์ จากฝั่งทะเลผ่านป่า บึง ไปยังเมือง ดูมาลี และทำสนธิสัญญาไม่ค้าทาส และ รบกวนกัน เปรมเปห์ ผิดสัญญา เมื่อ บี.พ. ยกทัพมา ไม่ทันรบกัน เพราะเปรมเปห์ ขอหย่าศึกยอมแพ้แก่ B.P. เสียก่อน ประสบการณ์จากการสงครามครั้งนี้ B.P. ได้นำมาใช้ในการอบรมลูกเสือคือ 1. การบุกเบิก ได้แก่ การสร้างสะพาน การโค่นต้นไม้ การสร้างที่พักชั่วคราว การใช้ไม้พลองยาวที่มีเครื่องหมายบอกความยาว (ใช้วัดความยาว ความสูง ความลึก ของแม่น้ำ และใช้ค้ำยัน) 2. ใส่หมวกปีกกว้าง (ค.ศ. 1896) แบบโคบาลใช้กันแดด ชาวเมืองจึงเรียก B.P. ว่า “ คันตาไก” ( Kantakye ) แปลว่าคนหมวกปีกใหญ่ ต่อมาใช้ในกิจการลูกเสือ 3. B.P. สังเกตเห็นชาวเมืองแสดงความเป็นมิตรกันด้วยการจับมือซ้าย (มือขวาถือ อาวุธ) จึงนำมาใช้ในกิจการลูกเสือ ต่อมา B.P.ได้เลื่อนยศเป็น พันโท พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 1896) B.P. ได้รับแต่งตั้งเป็นเสนาธิการประจำกองทัพไปปราบกบฏมาตามิลิแลนด์ ซึ่งเป็น เผ่าซูลูพื้นเมืองทรานสวาล ถูกพวกโมเออร์ขับไล่ จึงอพยพไปอยู่ในโรดีเซียตอนใต้ ได้ก่อการกบฎต่ออังกฤษ B.P. ได้ทำการสอดแนมออกหาข่าวปฏิบัติงานในเวลา กลางคืนด้วยความเข้มแข็ง พวกมาตามิลิจึงให้ฉายาว่า “ Impeesa ” ( อิมปิซา ) แปลว่า หมาป่าที่ไม่เคยหลับ (สุนัขป่าที่ตื่นอยู่เสมอ) อเมริกาให้ฉายาว่า “ The Never Sleep ”
หลังจากนั้นถูกย้ายไปอยู่ในอินเดียอีกครั้งหนึ่ง เลื่อนยศเป็นพันเอก เป็นผู้บัญชากรมทหารตรากูนการ์ดที่ 5 B.P. ทำหน้าที่อบรมทหารให้รู้จัก การสอดแนม แบ่งหมู่กันคอยควบคุมรับผิดชอบ แจกรางวัลปฏิบัติงานดีเด่น (เครื่องหมายรูปลูกศรของเข็มทิศ) พ.ศ. 2442 ( ค.ศ. 1899 ) B.P. ได้รับคำสั่งให้ไปแอฟริกาใต้ เพื่อเตรียมการป้องกันการรุกรานของพวก โบเออร์ (Boer) ซึ่งเป็นชาวฮอลันดา และฝรั่งเศส ที่อพยพไปอยู่แอฟริกาใต้ แถวเมืองทรานสวาล และ ออเรนจ์ฟรีสเตท ตั้งตัวเป็นเอกราชเรียกว่า พวก โมเออร์รีปับลิค B.P. เดินทางไปถึงประมาณเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1899 ก็จัดระดมทหารฝึกหัดให้เกิดความสามารถหลายด้านจนถึงเดือนกันยายนในปี นั้นได้สำเร็จ 2 กองพัน จัดกองพันหนึ่งรักษาเมือง มูลาวาโย ส่วน B.P. นำ อีกกองพันหนึ่งไปรักษาเมือง มาฟอีคิง พวกกบฎโมเออร์ ประกาศสงครามกับ อังกฤษยกทหารไปล้อมเมือง มาฟอีคิง นานถึง 217 วัน ก็ยังตีชิงเมืองไม่ได้ จนกระทั่ง อังกฤษยกกองทัพไปช่วย พวกโบเออร์ จึงล่าถอยไป
พ.ศ. 2450 อำลาชีวิตทหาร เมื่อเสร็จสงครามครั้งนี้ ควีนวิคตอเรียได้เลื่อนยศ B.P. เป็นพลตรี เมื่อครบ อายุ 50 ปี ปลดเกษียณ เป็นทหารกองหนุนเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) รับเงินเดือนครึ่งหนึ่ง และได้เลื่อนยศเป็นพลโท พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) กระทรวงกลาโหมขอให้ B.P. กลับเข้ารับราชการอีกครั้งหนึ่ง ในตำแหน่งผู้บังคับบัญชาหน่วยรักษาดินแดน ประจำภาคเหนือของอังกฤษ และอีก 2 ปีต่อมาก็ลาออก (เมื่อ พ.ศ. 2453) ชีวิตการเป็นลูกเสือ
พ.ศ. 2450 B.P. เห็นความสำคัญของเด็ก จึงรวมเด็ก 20 คน (รวมหลานของท่านอีก 1 คน รวมเป็น 21 คน) จัดพาไปอยู่ค่ายพักแรมที่เกาะบราวน์ซี ( Brownsea Island ) เป็นเวลา 9 คืน (ตั้งแต่คืนวันที่ 31 ก.ค. 2450 ถึงเช้าวันที่ 9 ส.ค. 2450 ) ฝึกระบบหมู่ได้ผลเกินคาด ในการอยู่ค่ายพักแรมครั้งนี้เสียค่าใช้จ่าย คนละ 3 ชิลลิง 6 เพนนี ส่วนบุตรผู้ที่มีฐานะดีเสียคนละ 1 ปอนด์) ผลการฝึก เกิดความสนุกสนาน ได้ความรู้ ความสามัคคี ผู้ปกครองพอใจ เด็กพึ่งตนเองได้ การอยู่ค่ายพักแรมครั้งนี้ ถือเป็นการกำเนิดลูกเสือครั้งแรก ในโลก พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) B.P. ได้เขียนหนังสือลูกเสือสำหรับเด็กชายขึ้น (Scouting for boy) เป็นหนังสือเล่มแรกในองค์การลูกเสือ กิจการลูกเสือเจริญก้าวหน้าในอังกฤษ อย่างมาก พ.ศ. 2452 (ค.ศ. 1909) B.P. จัดชุมนุมลูกเสือแห่งชาติขึ้นเป็นครั้งแรกที่พระราชวังคริสตัล (Crystal Palace) ในกรุงลอนดอนมีลูกเสือเข้าร่วม 11,000 คน B.P. ได้รับพระราช ทานเหรียญตรา “ Kinght Commander of the Victorian Order ” มีบรรดาศักดิ์เป็นเซอร์โรเบิร์ต เบเดน เพาเวลล์ กิจการลูกเสือได้แพร่หลาย ออกไปทั่วโลก หมายเหตุ กองลูกเสือในเครือจักรภพจัดตั้งในปี พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) ประเทศแคนาดา ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ พ.ศ. 2452 ( ค.ศ. 1909) ประเทศอินเดีย ประเทศนอกจักรภพที่ตั้งกองลูกเสือ พ.ศ. 2452 (ค.ศ. 1909) ประเทศชิลี พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนายวิลเลียม บอยซ์ (William Boyce) พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงสถาปนาเป็นกองลูกเสือไทยขึ้น เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 เป็นประเทศที่ 3 นอกเหนือเครือจักรภพ พ.ศ. 2453 (ค.ศ.1910) จัดตั้งกองลูกเสือหญิงขึ้นในอังกฤษเรียกว่า “ Girl Guide ” โดยมี Lady Baden Powell ภรรยาของ B.P. เป็นผู้ดำเนินการ พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) ตั้งกองลูกเสือสมุทรเสนาขึ้นเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912 สมรสกับมิสโอลาฟ เซนต์แคลร์ โซมส์ เมื่อ 30 ตุลาคม ค.ศ 1912 ( อายุ 55 ปี) พ.ศ. 2457 – 2461 ( ค.ศ. 1914 – 1918 ) เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ลูกเสืออังกฤษช่วยรักษาสะพาน สายโทรศัพท์ ช่วยทำหน้าที่สื่อสาร ช่วยงานในโรงพยาบาล ได้รับเหรียญกล้าหาญวิคตอเรีย คอส 11 คน พ.ศ. 2459 (ค.ศ. 1916) ตั้งกองลูกเสือสำรองขึ้นเป็นครั้งแรกในอังกฤษเรียกว่า “ Wolf Cubs ” ใน อเมริกาเรียกว่า “ Cub Scouts” และเรียบเรียงหนังสือ Wolf Cubs Handbook พ.ศ. 2461 (ค.ศ. 1918) จัดตั้งกองลูกเสือวิสามัญ (Rover Scouts) ขึ้นในอังกฤษเป็นครั้งแรก (ในอเมริกาเรียกว่า Explorer) พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) B.P. จัดตั้งสถานฝึกอบรมลูกเสือขึ้นที่ Gillwell Park เป็นศูนย์การฝึกอบรม ลูกเสือของโลกในอังกฤษ มิสเตอร์เดอบัวส์ แมคลาเรน ซื้อมอบให้ เดือนกันยายน ค. ศ. 1919 เปิดอบรมผู้บังคับบัญชาลูกเสือรุ่นที่ 1 (19 คน) พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920) ประเทศต่าง ๆได้มาประชุมลูกเสือครั้งแรกที่อังกฤษ ตั้ง B.P. เป็น Chief Scout of the World. พ.ศ. 2465 (ค.ศ. 1922) B.P. แต่งคู่มือลูกเสือวิสามัญ ประชุมลูกเสือโลกครั้งที่ 2 ณ กรุงปารีส และ เพื่อเป็นเกียรติแก่ B.P. มีการลงมติให้ B.P. เป็นประมุขของลูกเสือโลก แต่เพียงผู้เดียว พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926) ตั้งกองลูกเสือสำหรับเด็กพิการขึ้นในอังกฤษ พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) กษัตริย์อังกฤษทรงเห็นว่า การลูกเสือมีประโยชน์มาก พระเจ้ายอร์ชที่ 5 จึง ทรงตั้ง B.P. เป็น Baron Baden Powell of Gilwell มีศักดิ์เป็นสมาชิกสภา ขุนนาง พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) B.P. ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2484 ณ ประเทศเคนยา (Kenya) และศพถูกฝังอยู่ที่นั่น B.P. เมื่อมีชีวิตอยู่ได้รับสมญา 3 ชื่อ 1. Kantakye (ผู้สวมหมวกปีกใหญ่) ค.ศ. 1896 ที่เมืองอาซันติ 2. Impeesa หรือ The Wolf Never Sleep (สุนัขป่าที่ตื่นอยู่เสมอ) ค.ศ. 1899 3. Mafeking Defender (ผู้ป้องกันเมืองมาฟอีคิง) ค.ศ. 1900
ภูมิหลังและกิจการขององค์การลูกเสือโลก ภูมิหลัง ค.ศ. 1907 บี.พี. นำเด็ก 20 คน ไปอยู่ค่ายพักแรมระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม – 9 สิงหาคม 1907 (พ.ศ. 2450 ) ที่เกาะบราวน์ซี ประเทศอังกฤษ เพื่อเป็นการ ทดลอง ในวงการลูกเสือทั่วโลก ถือว่าการทดลองอยู่ค่ายพักแรมที่ เกาะบราวน์ซีเป็นการเริ่มต้นของลูกเสือโลก ค.ศ. 1908 บี.พี. เรียบเรียงและจัดพิมพ์หนังสือการลูกเสือสำหรับเด็กชาย (Scouting – For Boys) (พ.ศ. 2451) และเดินทางไกลไปชี้แจงเรื่องการลูกเสือ ตามจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศอังกฤษ ซึ่งทำให้เกิดการจัดตั้งกองลูกเสือขึ้นในประเทศอังกฤษแล้วขยายตัวไปยัง ประเทศต่าง ๆ ในจักรภพอังกฤษ ได้แก่ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ (ค.ศ. 1908) อินเดีย (ค.ศ. 1909) หลังจากนั้น ได้มีการจัดตั้งกองลูกเสือขึ้นใน ประเทศต่าง ๆ เริ่มด้วยประเทศชิลี (ค.ศ. 1909) สหรัฐอเมริกา (ค.ศ. 1910) ไทย (ค.ศ. 1911) กองลูกเสือไทยตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2454 (ค.ศ. 1911) เป็นประเทศที่ 3 ของโลก นอกจักรภพอังกฤษ ค.ศ. 1909 - จัดชุมนุมลูกเสือ 11,000 คน ณ Crystal Palace ในกรุงลอนดอน (พ.ศ. 2452) - คิงเอดเวิดที่ 7 พระราชทานตรา Kinght Commander of the Victorian Order ให้แก่ บี.พี. ทำให้ บี.พี. มีบรรดาศักดิ์เป็น Sir ค.ศ. 1910 จัดตั้งกองลูกเสือหญิง (พ.ศ. 2453) ค.ศ. 1911 - ตั้งกองลูกเสือสมุทร ( พ.ศ. 2453 ) - เริ่มการแข่งขันยิงปืนระหว่างกองลูกเสือประจำปี ค.ศ. 1912 บี.พี. เดินทางรอบโลกใช้เวลา 7 เดือน เศษ เพื่อตรวจเยี่ยมกองลูกเสือใน ประเทศต่าง ๆ (พ.ศ. 2453) บี.พี. สมรสกับ มิสโอลาฟ เซนต์แคลร์ โซมส์ บี.พี. เกิดวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1857) ( ปีมะโรง ตรงกับวันอาทิตย์ พ.ศ. 2400 ) เลดี้ บี.พี. เกิดวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1889 ค.ศ. 1919 - มิสเตอร์ เดอร์บัวส์ แมคคาเรน ซื้อกิลเวลล์ปาร์ค เนื้อที่ 57 เอเคอร์ (ประมาณ 142 ไร่) ( พ.ศ. 2453 ) ให้แก่คณะลูกเสืออังกฤษ ต่อมาได้มีการซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีกหลายคราวรวมเป็น เนื้อที่ 108 เอเคอร์ (270 ไร่) (ค่ายลูกเสือวชิราวุธมีเนื้อที่ 435 ไร่ 3 งาน 1 ตารางวา) - บี.พี. เป็นผู้อำนวยการการฝึกอบรมวิชาผู้กำลูกเสือรุ่นแรก จำนวน 19 คน ที่กิลเวลล์ปาร์ค ผู้สำเร็จการฝึกอบรมได้รับแจก Dinizulu Bead คนละ 1 ท่อน จับนับว่าเป็นการเริ่มต้นของการฝึกอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือขั้นวูดแบดจ์ ค.ศ. 1920 จัดให้มีการประชุมลูกเสือโลกขึ้นเป็นครั้งแรกในกรุงลอนดอนมีประเทศต่างๆ (พ.ศ. 2463) รวมทั้งประเทศไทยเข้าร่วม รวมประเทศที่เข้าร่วมชุมนุม 21 ประเทศ จำนวน ลูกเสือที่เข้าร่วมชุมนุม 1,505 คน ที่ประชุมผู้แทนลูกเสือประเทศต่างๆ ได้ ประชุมปรึกษากันและลงมติให้ - จัดตั้งสำนักงานลูกเสือนานาชาติขึ้นที่กรุงลอนดอน - ให้มีการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ทุก ๆ 2 ปี ค.ศ. 1919 มีการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ครั้งที่ 2 ที่กรุงปารีส B.P. จัดพิมพ์หนังสือ Rovering to Success (พ.ศ. 2465) ค.ศ. 1924 มีการชุมนุมลูกเสือโลก ครั้งที่ 2 ณ ประเทศเดนมาร์ก (พ.ศ. 2467) ค.ศ. 1926 จัดตั้งกองลูกเสือสำหรับเด็กพิการ (พ.ศ. 2469) ค.ศ. 1930 เลดี้ B.P. ได้รับเลือกดำรงตำแหน่งประมุขลูกเสือหญิงแห่งโลก (พ.ศ. 2473) ค.ศ. 1938 บี.พี. ออกจากประเทศอังกฤษไปพักที่เมืองไนเยอรี่ ประเทศเคนยา (พ.ศ. 2481) ค.ศ. 1941 บี.พี. ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1941 มีหลุมฝังศพอยู่ที่ สุสานเมืองไนเยอรี่ ( พ.ศ. 2484 ) ค.ศ. 1961 ควีนอลิซาเบ็ธที่ 2 ทรงประกอบพิธีเปิดอนุสรณ์ B.P. Baden – Powell House (พ.ศ. 2504 ) ณ ตำบลควีส์เกต ในกรุงลอนดอน เมื่อ 21 ก.ค. 1961
กิจการขององค์การลูกเสือโลก
สมัชชาลูกเสือโลก (World Scout Conference) สมัชชาลูกเสือโลกคือ ที่ประชุมของคณะลูกเสือประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เริ่มมีการประชุมกันเป็นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 1920 ( พ.ศ. 2463) และหลังจากนั้น จะมีการประชุมทุก ๆ 2 ปี
สมัชชาลูกเสือโลกมีหน้าที่โดยย่อดังนี้ 1. กำหนดนโยบายทั่วไปของคณะลูกเสือโลก 2. พิจารณาสมาชิกใหม่ และตัดสินเรื่องการขับออกจากสมาชิกภาพ 3. เลือกตั้งกรรมการลูกเสือโลก 4. พิจารณารายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการลูกเสือโลก 5. พิจารณารายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการลูกเสือโลก 6. พิจารณาแก้ไขธรรมนูญและข้อบังคับของคณะลูกเสือโลก
คณะกรรมการลูกเสือโลก (World Scout Committee) คณะกรรมการลูกเสือโลกประกอบด้วยบุคคล 12 คน จากประเทศสมาชิก 12 ประเทศ เลือกตั้งโดยที่ประชุมสมัชชาลูกเสือโลก กรรมการลูกเสือโลกอยู่ในตำแหน่งคนละ 6 ปี และเลือกตั้งกันเอง เป็นประธาน และรองประธานในการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกทุก ๆ 2 ปี จะมีกรรมการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น